เทรนด์ปี 2568 ธุรกิจในกลุ่มปิโตรเคมีกำลังเผชิญความผันผวน แต่เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ SCGC บริษัทในเครือ SCG กำลังวอร์มร่างเตรียมกลับมาผงาดอีกครั้ง ด้วยการนำวัตถุดิบก๊าซธรรมชาติอีเทน (Ethane) เข้ามาใช้ในโรงงานลองเซิน ปิโตรเคมิคอลส์ (LSP) ซึ่งเป็นโครงการปิโตรเคมีครบวงจรแห่งแรกในประเทศเวียดนาม
ลดต้นทุน-เพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน
นายศักดิ์ชัย ปฏิภาณปรีชาวุฒิ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ SCGC เปิดเผยว่า ความคืบหน้าล่าสุด SCGC ได้จัดหาและล็อกวัตถุดิบก๊าซอีเทนสำเร็จ พร้อมลงนามสัญญาระยะยาวเพื่อจัดหาก๊าซอีเทน 1 ล้านตันต่อปี เป็นเวลา 15 ปี กับ Enterprise Products Partners ผู้จัดหาก๊าซอีเทนชั้นนำจากสหรัฐอเมริกา
รวมทั้งลงนามสัญญาระยะยาวเช่าเหมาเรือขนส่งก๊าซอีเทน (Very Large Ethane Carriers : VLECs) กับบริษัท Mitsui O.S.K. Lines (MOL) ผู้ให้บริการเรือขนส่งวัตถุดิบชั้นนำของโลก รอบแรก 3 ลำ และอีก 2 ลำอยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่ง MOL จะให้บริการขนส่งก๊าซอีเทนจากสหรัฐอเมริกาไปยังประเทศเวียดนามเป็นเวลา 15 ปี
การนำก๊าซอีเทนมาอีกหนึ่งเป็นวัตถุดิบของ SCGC ถือเป็นโอกาสสำคัญในการพลิกฟื้นธุรกิจปิโตรเคมีอย่างชัดเจน เพราะนอกจากก๊าซอีเทนจะทำให้โรงงาน LSP สามารถแข่งขันในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีโลกได้ในระยะยาว ด้วยต้นทุนที่ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ เพิ่มความยืดหยุ่นในการรับวัตถุดิบสำหรับใช้ในการผลิตได้มากขึ้น ที่สำคัญ ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย
ทั้งนี้ อีเทน (Ethane) คือ ไฮโดรคาร์บอนอิ่มตัวชนิดหนึ่ง มีสูตรเคมี คือ C2H6 มีจำนวนคาร์บอน 2 อะตอมอยู่ในโมเลกุล เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติจากการเปลี่ยนแปลงของซากพืชและสัตว์ สามารถนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีขั้นต้นที่ใช้ผลิตเม็ดพลาสติก เส้นใยพลาสติกชนิดต่าง ๆ ได้อย่างดี
อัพเกรดสู่ฐานผลิตปิโตรเคมีสำคัญระดับภูมิภาค
สำหรับโรงงาน LSP ผลิตและจำหน่ายพอลิเมอร์คุณภาพสูง เพื่อป้อนตลาดในเวียดนามและส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยผลิตภัณฑ์จาก LSP ได้รับการยอมรับด้านคุณภาพและมาตรฐานระดับสากล โดย LSPE ซึ่งเป็นโครงการเพิ่มวัตถุดิบก๊าซอีเทนที่โรงงาน LSP ครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถโรงงาน LSP ให้เป็นฐานการผลิตปิโตรเคมีที่สำคัญระดับภูมิภาคได้
นายศักดิ์ชัยกล่าวว่า SCGC ขับเคลื่อน LSPE อย่างเร่งด่วน ตามแผนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันและลดต้นทุน ซึ่งโรงงาน LSP ออกแบบยืดหยุ่นรับวัตถุดิบก๊าซอยู่แล้ว สามารถใช้วัตถุดิบก๊าซอีเทนได้มากถึง 2 ใน 3 ของปริมาณวัตถุดิบทั้งหมด ส่วนที่เหลือจะเป็นก๊าซโพรเพนและแนฟทา จึงมั่นใจได้ว่าสามารถแข่งขันได้ในระยะยาวด้วยต้นทุนที่ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญ ถือเป็นการเตรียมความพร้อมของธุรกิจ เพื่อรองรับตลาดปิโตรเคมีที่จะฟื้นตัวในอนาคต
นอกจากนี้ SCGC กำลังเร่งดำเนินการสร้างถังเก็บวัตถุดิบก๊าซอีเทนที่ได้รับการออกแบบพิเศษ เพื่อจัดเก็บวัตถุดิบก๊าซอีเทนที่มีสภาวะอุณหภูมิต่ำ -90 องศาเซลเซียส ได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งเตรียมปรับปรุงกระบวนการผลิตและสาธารณูปโภคการรับวัตถุดิบ (supporting facilities) คาดว่าโครงการจะแล้วเสร็จปลายปี 2570 รองรับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในภูมิภาคได้อย่างแน่นอน เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจให้กับทั้ง SCG และ SCGC
อ่านข่าวต้นฉบับ: ก๊าซอีเทน พลิกวิกฤต ฟื้นโอกาสธุรกิจปิโตรเคมี SCG