เศรษฐกิจไทยปี 2568 หากการท่องเที่ยวคือความหวัง จังหวัดภูเก็ตก็คือเดสติเนชั่น
ประเด็นอยู่ที่ภูเก็ตในวันนี้ ไม่ได้เป็นเดสติเนชั่นด้านการท่องเที่ยวเพียงอย่างเดียว หากแต่ภาคอสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบก็มีความกระชุ่มกระชวย จากการมีกำลังซื้อของลูกค้าชาวต่างชาติไหลเข้าพื้นที่อย่างหนาแน่น โดยเฉพาะเซ็กเมนต์ลักเซอรี่และซูเปอร์ลักเซอรี่ หรือโครงการหรูจนถึงซูเปอร์หรู
ล่าสุด นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร จัดทริปคณะผู้บริหารภาครัฐชุดใหญ่ไฟกะพริบลงพื้นที่ตรวจราชการภูเก็ตอย่างเป็นทางการเมื่อ 9 มกราคมที่ผ่านมา รับฟังทุกอย่าง มีข้อสั่งการทุกอย่าง และประกาศยกระดับภูเก็ต จากเมืองท่องเที่ยวระดับโลก เมืองอสังหาริมทรัพย์ระดับโกลบอล สู่เป้าหมายภูเก็ตเมืองพรีเมี่ยมเดสติเนชั่นของโลก
6 โครงการเร่งด่วนรับเมืองโต
เปิดฉากด้วย “โสภณ สุวรรณรัตน์” ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวรายงานสรุป รายได้ส่วนใหญ่ของจังหวัดภูเก็ตมาจากภาคการท่องเที่ยว และบริการ 92.9% รายได้จากการท่องเที่ยวปี 2567 มีมูลค่า 481,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากปี 2566 รั้งอันดับ 1 ของภาคใต้ ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยว 12,898,898 คน เพิ่มขึ้น 14.14% มีเที่ยวบินตรงจาก 21 ประเทศ 53 เมืองทั่วโลกมาแลนดิ้งที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต เที่ยวบินเฉลี่ยสัปดาห์ละ 2,572 เที่ยว หรือ 368 เที่ยวบิน/วัน มีท่าเรือน้ำลึกรองรับเรือสำราญขนาดใหญ่เทียบท่าเฉลี่ย 2 เที่ยว/สัปดาห์ ไฮไลต์รวมถึงท่าเรือมารีน่ารองรับเรือยอชต์ 5 แห่ง เฉลี่ยเรือเข้า-ออกสัปดาห์ละ 13 ลำ
ในนามของจังหวัดภูเก็ต “ผู้ว่าฯโสภณ” นำเสนอขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล 6 ประเด็นหลัก ดังนี้
1.เร่งรัด 4 โครงการค้างลงทุนของกระทรวงคมนาคม แบ่งเป็น 1.1 อุโมงค์กะทู้-ป่าตอง กับทางด่วนเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย กับตัดถนนใหม่ด้วยการขยายช่องจราจร ทางหลวง 4027 (พารา-เมืองใหม่) และก่อสร้างสะพานเมืองใหม่-สามแยกเข้าสนามบินภูเก็ต โดยกรมทางหลวง
1.2 เจ้าภาพดำเนินการโดยจังหวัดภูเก็ต ทำถนนตัดใหม่รหัส ภก. 3030-อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ ความยาว 6 กิโลเมตร กว้าง 12 เมตร ซึ่งเป็นที่ดินบริจาคของ 3 ตระกูลภูเก็ต (เอกวานิช กุลวานิช และศักดิ์ศรีทวี), ปรับปรุงถนนสายรองของท้องถิ่น 18 สายทาง, ปรับปรุงถนนสายรอง อ้อมหลังวัดท่าเรือไปเชิงทะเล รหัสทางหลวง 4025-ภก. 3030 ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง 1.3 โครงการแก้ไขปัญหาจราจรของจังหวัดภูเก็ตด้วยระบบไฟจราจร AI โดยแขวงทางหลวงภูเก็ต และ 1.4 โครงการรถไฟฟ้ารางเบา
2.ด้านการจัดการน้ำ แบ่งเป็น “น้ำดี” หรือน้ำกินน้ำใช้ ตอนนี้มีน้อยกว่าความต้องการใช้ จำเป็นต้องบริหารจัดการความจุของอ่างเก็บน้ำให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ป้องกันปัญหาขาดแคลนน้ำในอนาคตจากการขยายตัวของคนกับเมือง อีกเรื่องคือ “น้ำเสีย” ปัจจุบันภูเก็ตมีศักยภาพในการบำบัดน้ำเสีย 85,862 คิว/วัน ยังไม่ครอบคลุมทั้งจังหวัด ล่าสุดได้ร่วมกับ China Water Environment Group ประเทศจีน ศึกษาและออกแบบระบบบำบัดน้ำเสีย 10 แห่ง โดยใช้งบประมาณของท้องถิ่น
3.การจัดการขยะ มีปริมาณขยะเฉลี่ย 1,100 ตัน/วัน กำลังก่อสร้างเตาเผาตัวที่สอง กำจัดขยะได้ 500 ตัน/วัน จึงจำเป็นต้องมีศูนย์กำจัดขยะที่ 2 บริเวณสวนป่าบางขนุน อำเภอถลาง
4.การจัดการภัยพิบัติ 2 เรื่องหลัก คือ “น้ำท่วม” จังหวัดภูเก็ตขอรับการสนับสนุนงบประมาณ 263.6 ล้านบาท ของกรมโยธาธิการและผังเมือง ก่อสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วม คลองท่าเรือ-เกาะแก้ว และคลองนาลึก ตำบลศรีสุนทร อำเภอถลาง เพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ แก้ปัญหาการกัดเซาะริมตลิ่ง กับ “ดินถล่ม” จังหวัดภูเก็ตขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาล ป้องกันและแก้ไขปัญหาจุดเสี่ยงดินถล่มตามการศึกษาพื้นที่เสี่ยงของกรมทรัพยากรธรณี โฟกัส “กะรน-กมลา” ดำเนินการโดยโยธาฯจังหวัดภูเก็ต และศูนย์ป่าไม้ภูเก็ต
5.ด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ขอรับการสนับสนุนจากรัฐบาลลงทุนระบบกล้องวงจรปิด และผ่านเครือข่ายอาสาสมัครต่าง ๆ 6.การรักษาสุขภาพ ขอรับการสนับสนุนก่อสร้างศูนย์มะเร็ง-รังสีรักษา โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต เพื่อครอบคลุมการรักษาผู้ป่วยมะเร็งรายใหม่ใน 3 จังหวัดที่ภูเก็ต พังงา กระบี่
สั่งการ-กำชับ-ทำจริงจัง-มีผลงาน
สำหรับข้อสั่งการของนายกฯแพทองธาร ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการ ดังนี้
1.ปัญหาขาดแคลนน้ำกินน้ำใช้ สั่งการให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ดูแลและจัดหาน้ำประปาให้เพียงพอ และต้องสามารถรองรับความต้องการใช้ในธุรกิจท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตด้วย แผนระยะสั้นขอให้เร่งวางแผนขยายอ่างเก็บน้ำ และท่อส่งน้ำในภูเก็ต ส่วนในระยะยาวขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดโครงการแนวท่อส่งน้ำจากเขื่อนรัชชประภา อ่างเก็บน้ำลำรูใหญ่จากจังหวัดพังงามายังจังหวัดภูเก็ต
2.สั่งการให้กระทรวงคมนาคม เร่งรัดการก่อสร้างเมกะโปรเจ็กต์รัฐที่ได้รับความเห็นชอบให้แล้วเสร็จโดยเร็ว รวมทั้งจัดทำแผนประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบโดยทั่วถึง เร่งศึกษาเส้นทางเลี่ยงเมือง ระบบรถไฟฟ้า
โดยมีเรื่องใหม่เกี่ยวกับการสนับสนุนและส่งเสริมเปิดเส้นทางขนส่งทางน้ำ หรือ Boat Taxi ช่วยบรรเทาการจราจรบนท้องถนน ปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่เป็นประตูต้อนรับนักท่องเที่ยว อาทิ สนามบินภูเก็ต โครงข่ายถนน ฯลฯ
3.ปัญหาด้านความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกันวางแผนและให้ความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว รวมทั้งปราบปรามผู้มีอิทธิพลในภูเก็ตและจังหวัดอื่น ๆ อย่างจริงจัง เป็นต้น
ปัญหาคอขวด “งบท้องถิ่นภูเก็ต”
ฟากเอกชนในพื้นที่มี 4 องค์กรเสาหลัก ร่วมกันนำเสนอข้อมูลและข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล เพื่อร่วมมือกันอัพเกรดภูเก็ตให้เป็นเมืองพรีเมี่ยมเดสติเนชั่นระดับโลก ประกอบด้วย “ก้องศักดิ์ คู่พงศกร” ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต, “มนต์ทวี หงษ์หยก” ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต, “ธเนศ ตันติพิริยะกิจ” นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และ “ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม” ประธานมูลนิธิพัฒนาการท่องเที่ยวยั่งยืน สรุปสาระสำคัญข้อมูลน่าสนใจ ดังนี้
มุมมองของภาคเอกชนภูเก็ต ระบุส่วนหนึ่งของปัญหาคอขวดการพัฒนาเมืองมาจากงบประมาณ-กฎหมาย-การบริหารรวมศูนย์ที่กรุงเทพฯ โดยนำเสนอข้อมูลปี 2567 รัฐบาลมีการจัดเก็บรายได้จากจังหวัดภูเก็ต (ไม่รวมรายได้ท้องถิ่นจัดเก็บเอง) 19,381.7 ล้านบาท มีการนำส่งเข้าส่วนกลาง แล้วทอนกลับมาเป็นงบประมาณจัดสรรให้ภูเก็ต 3,774 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 18.6% บวกกับงบประมาณจัดสรรจากหมวดงบฯพัฒนาจังหวัด 174 ล้านบาท เท่ากับขาดดุลงบประมาณ 15,607 ล้านบาท
บ่งชี้ว่า ส่งผลกระทบทำให้จังหวัดภูเก็ตมีงบประมาณไม่เพียงพอต่อการขยายโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งถนนตัดใหม่ ทางด่วน และรถไฟฟ้า
สำหรับแนวทางการพัฒนาจังหวัดเสนอ 6 ด้านด้วยกัน คือ 1.ขอการกระจายอำนาจด้วยการแก้ไขกฎหมายเพื่อจัดตั้ง “บอร์ด PPP ภูเก็ต” ซึ่ง PPP (Public Private Partnership) เป็นรูปแบบการประมูลโดยเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ ข้อเสนอคือโครงการลงทุนไม่เกิน 5,000 ล้านบาท เสนอให้มีบอร์ดเล็กหรือบอร์ดจังหวัดภูเก็ตเป็นผู้พิจารณา
2.ขอจัดตั้งรูปแบบการปกครองพิเศษลักษณะเดียวกับกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา ด้วยการออกกฎหมายยกระดับให้เป็น “เมืองภูเก็ตมหานคร” รวมทั้งจัดทำและบริหารงบประมาณที่เกิดในภูเก็ตได้เอง
3.เสนอขอจัดตั้ง “กองกำกับการตำรวจจราจรกลาง จังหวัดภูเก็ต” เพื่อบูรณาการภารกิจตำรวจจราจรให้รวมศูนย์เป็นหนึ่งเดียว ไม่ใช่แบ่งแยกหน้าที่ความรับผิดชอบตามสถานีตำรวจภูธรที่สังกัด 4.เร่งสร้าง เตาเผาขยะแห่งที่ 2 บริเวณพื้นที่ไม้ขาว 5.โครงการศูนย์ประชุมนานาชาติอันดามัน
ถนนเลี่ยงเมือง-ทางด่วนต้องมา
และ 6.ทะลวงคอขวดปัญหาด้านคมนาคมของเมืองภูเก็ต ขอให้รัฐบาลพิจารณาเร่งรัด 4 โครงการของกระทรวงคมนาคม ได้แก่ “ทางด่วนเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้” ความยาว 30 กม. “ตัดถนนเลี่ยงเมือง ทล.4027 บ้านเมืองใหม่-สามแยกเข้าสนามบินภูเก็ต” ขั้นตอนรอบรรจุขอมติคณะรัฐมนตรี ในการขอใช้พื้นที่ป่าชายเลน ตามแผนเดิมกำหนดเริ่มก่อสร้างปี 2568 แล้วเสร็จปี 2570
“ก่อสร้างอุโมงค์ที่จุดตัด ทางหลวง 402 กับทางหลวง 4025 (อุโมงค์ท่าเรือ)” ซึ่งปัจจุบันกรมทางหลวงชะลอโครงการ และ “ขยายสนามบินภูเก็ต เฟส 2” ปัจจุบันขั้นตอนออกแบบและประกวดราคาก่อสร้าง ตามแผนเริ่มสร้างปี 2569 แล้วเสร็จและเปิดบริการปี 2571
ยังมีอีก 2 โครงการที่คนภูเก็ตนำเสนอ คือ “ถนนวัดหลวงปู่สุภา-ป่าตอง” สร้างทางเข้า-ออก ตำบลป่าตองเส้นใหม่จากฝั่งตำบลฉลอง ตอนนี้อยู่ขั้นตอนขออนุญาตใช้ที่ดิน ป่าลุ่มน้ำชั้น 1 A ที่มีสภาพป่าเสื่อมโทรมมาหลายปี กับเสนอขอให้ริเริ่มศึกษาความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหารถติด ตำบลเชิงทะเล
ทั้งนี้ หากรัฐบาลสนับสนุนการพัฒนาเมืองภูเก็ตตามที่ร้องขอ ประเมินว่าผลลัพธ์เชิงบวกภายในปี 2573 จะสามารถเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเป็น 22 ล้านคน สร้างรายได้การท่องเที่ยว 7 แสนล้านบาท มีการลงทุนใหม่ไม่น้อยกว่า 1 แสนล้านบาท จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ทั้งการท่องเที่ยวทางทะเล การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ เทคโนโลยี และภาคอสังหาริมทรัพย์
อีกทั้งยังมีการเพิ่มตำแหน่งงานใหม่ 1 แสนตำแหน่งงาน ยกระดับรายได้เฉลี่ยต่อหัวประชากรจาก 3.5 แสนบาท เพิ่มเป็น 5 แสนบาทภายในปี 2573
อ่านข่าวต้นฉบับ: นายกฯอิ๊งค์โยนโจทย์ใหม่ภูเก็ต ดันเมืองท่องเที่ยว+อสังหาฯ สู่พรีเมี่ยมเดสติเนชั่น