ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) เปิดผลสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยสูงอายุ ปี2567 รวม 916 โครงการ แบ่งเป็นประเภทแบ่งเป็น Nursing Home 832 โครงการ และเรสซิเดนซ์ 84 โครงการ อยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑลมากกว่า 500 โครงการ เผยอัตราเข้าพักเฉลี่ยกว่า70% ขณะที่ค่าเช่าของเอกชนเฉลี่ย 30,000-50,000บาทต่อเดือน
ผู้สื่อข่าว”ประชาชาติธุรกิจ”รายงานว่า ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ระบุว่า จากโครงสร้างประชากรในประเทศไทยที่ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบในปี 2567 โดยรายงานของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พบว่า จำนวนประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับจากปี 2537 ที่มีผู้สูงอายุในประเทศไทยเพียงร้อยละ 6.8 ของประชากรทั้งหมด ปรับเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมดในปี 2567
โดยเพิ่มขึ้นด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 4.89 ต่อปี ซึ่งแนวโน้มดังกล่าวสะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ “สังคมสูงวัยอย่างสมบูรณ์” แต่การพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อรองรับผู้สูงอายุในปัจจุบันยังคงเติบโตช้า และไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้สูงอายุในปัจจุบัน
REIC ดำเนินการสำรวจโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุทั่วประเทศ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 พบว่า ในปี 2567 ประเทศไทย มีโครงการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยที่เปิดบริการรวม 916 โครงการ รวม 31,851 หน่วย/เตียง แบ่งเป็นประเภท Nursing Home จำนวน 832 โครงการ และที่พักอาศัยแบบ Residence จำนวน 84 โครงการ
ทั้งนี้ส่วนที่เป็น Nursing Home จำนวน 832 โครงการ (22,273 หน่วย/เตียง) แบ่งเป็นโครงการที่บริษัทเอกชนดำเนินการ 822 โครงการ ของภาครัฐ 5โครงการ และดำเนินการภายใต้มูลนิธิ 5 โครงการ
ในส่วนของที่พักอาศัยแบบ Residence จำนวน 84 โครงการ( 9,578 หน่วย/เตียง) เป็นโครงการของเอกชน 37 โครงการ ,ภาครัฐ 45 โครงการและมูลนิธิ 2โครงการ
REIC ระบุว่าส่วนใหญ่โครงการจะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล รวมถึง 516 โครงการ ขณะที่อัตราการเข้าพักใน Nursing Home เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 70.91 โดยที่พักจะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ มีจำนวนหน่วยสูงที่สุด และมีอัตราการเข้าพักสูงถึงร้อยละ 69.21 ,จังหวัดชลบุรี มีอัตราการเข้าพักสูงถึงร้อยละ 76.95 จังหวัดนครราชสีมา มีอัตราการเข้าพักร้อยละ 73.71 และจังหวัดเชียงใหม่มีอัตราการเข้าพักสูงถึงร้อยละ 73.07 โดยทั้งหมดเป็นพื้นที่ที่มีความนิยมในหมู่ผู้สูงอายุชาวไทยและชาวต่างชาติ
โดยอัตราการเข้าพัก Residence ผู้สูงอายุจากการสำรวจพบว่าจังหวัดสมุทรปราการ มีจำนวนหน่วยสูงที่สุด มีอัตราการเข้าพักสูงถึงร้อยละ 70.91 ขณะที่พื้นที่กรุงเทพฯ มีอัตราการเข้าพักร้อยละ 75.64 ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยในพื้นที่เขตเมืองและศูนย์กลางเศรษฐกิจ ซึ่งยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับราคาค่าเช่าที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัย รายงานของ REIC ระบุว่าจากการสำรวจพบว่า ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัยในกลุ่ม Nursing Home อัตราค่าเช่าที่มีจำนวนมากที่สุดคือ15,0001-20,000 บาทต่อเดือน ทั้งในส่วนของโครงการที่ภาครัฐ , มูลนิธิและเอกชน เป็นผู้พัฒนา
ขณะที่โครงการในกลุ่ม Residence ช่วงราคาเช่าของภาครัฐที่มีจำนวนมากที่สุดคือ ช่วงราคาเท่ากับหรือต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือน คือเป็นร้อยละ 83.02 ส่วนช่วงราคาเช่าของเอกชน ที่มีจำนวนมากที่สุด คือ ช่วงราคา 30,001-50,000 บาท หรือร้อยละ 38.61
ทั้งนี้ จากผลการสารวจโครงการที่อยู่อาศัยสาหรับผู้สูงอายุในประเทศไทย สะท้อนภาพปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะปัญหาด้านความแตกต่างของระดับรายได้ และการพัฒนาเศรษฐกิจในแต่ละจังหวัด ทำให้การออกแบบกลไกทางการเงิน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาบ้านพักผู้สูงอายุจำเป็นต้องคำนึงถึงบริบทและศักยภาพที่แตกต่างกันของแต่ละพื้นที่
รวมถึงการพัฒนากลไกทางการเงินที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ จะช่วยสนับสนุนให้การพัฒนาบ้านพักผู้สูงอายุในประเทศไทยสามารถตอบสนองความต้องการของผู้สูงอายุได้อย่างทั่วถึงและยั่งยืน โดยคำนึงถึงความสามารถในการเข้าถึงบริการของผู้สูงอายุ และความยั่งยืนทางการเงินของโครงการ เพื่อรองรับรูปแบบการอยู่อาศัยที่หลากหลาย เช่น การพัฒนาสินเชื่อสำหรับที่พักอาศัย แบบเช่าระยะยาว (Long-term Lease) หรือ การซื้อสิทธิ์การอยู่อาศัย (Right to Occupy)
ซึ่งอาจเหมาะสมกับผู้สูงอายุ ที่ต้องการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน เช่น โครงการสินเชื่อเพื่อผู้สูงอายุของธนาคารอาคารสงเคราะห์ ที่ช่วยสนับสนุนผู้สูงอายุ ให้สามารถเข้าถึงสินเชื่อและมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับผู้สูงอายุให้ดีขึ้น
อ่านข่าวต้นฉบับ: REIC เปิดผลสำรวจโครงการที่อยู่อาศัย”ผู้สูงอายุ”ทั่วประเทศ ปี“67